วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

ถ้ำภูผาเพชร สตูล


สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

ถ้ำภูผาเพชร ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 9  บ้านควนดินดำ  ตำบลปาล์มพัฒนา  อำเภอมะนัง  ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 4 ของโลก มีเนื้อที่ ประมาณ 50 ไร่ จุดที่อยู่ของถ้ำอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 27  กิโลเมตร  ไปตามถนนที่ลาดยางตลอดสายจนถึงบริเวณถ้ำตั้งอยู่บนเทือกเขาหินปูน  ในเขตของทิวเขานครศรีธรรมราช ซึ่งนิยมเรียกว่า  เขาบรรทัด  ปากถ้ำหันไปทางทิศตะวันออก  ทางขึ้นไม่ค่อยลาดชันนัก  ความสูงจากพื้นราบถึงปากถ้ำประมาณ 50 เมตร  ใช้เวลาในการเดินทางจากพื้นราบถึงจุดเข้าถ้ำราว 30 นาที ชื่อเดิมของถ้ำภูผาเพชร คือ “ถ้ำลอด ถ้ำยาว หรือถ้ำเพชร” เนื่องจากถ้ำมีความยาว  ลักษณะคดเคี้ยว  แบ่งเป็นหลายตอน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟผนังถ้ำมีประกายแวววาวเหมือนเพชร จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำเพชรก่อน  ภายหลังชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า  ถ้ำภูผาเพชร
ตามประวัติมีว่า  เมื่อปี พ.ศ. 2517  ครอบครัวของนายช่วงและนางแดง  รักทองจันทร์  ได้ย้ายเข้ามาอาศัยบริเวณถ้ำยาวเป็นครอบครัวแรก ล่วงมาปีพ.ศ. 2535  มีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาตั้งสำนักบริเวณถ้ำยาว  อยู่ได้หนึ่งปีก็จากไป ก่อนจากไปท่านได้บอกชาวบ้านว่าได้เห็นทางเข้าไปในถ้ำยาว  มีถ้ำน้อยใหญ่อีกหลายถ้ำ บางถ้ำมีพื้นที่กว้างขวางสวยงาม  กระทั่งปี พ.ศ.2540  นายศักดิ์ชัย  บุญคง  สมาชิก อบต. ตำบลปาล์มพัฒนาได้ทำการสำรวจร่วมกับทางราชการและราษฏรถ้ำภูผาเพชรจึงได้เปิด โฉมหน้าให้คนทั่วไปได้รู้จักกันทุกวันนี้

ภาย ในถ้ำธรรมชาติได้รังสรรค์ความสวยงามไว้เป็นรูปแบบต่างๆ เป็นที่แปลกตา และ อัศจรรย์ยิ่งนัก ลีลาของประติมากรรมธรรมชาติอันเกิดจาก หยดน้ำ ทำให้ถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย แบ่งเป็นห้องต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 20 ห้อง เข้าชมถ้ำ ได้แก่ช่วงเวลา 9 โมงเช้าจนถึง 3 โมงเย็น จะปิดทำการเวลา 16.00 น.ถ้ำภูผาเพชร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ถือได้ว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย และใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก
ลักษณะภายในถ้ำจะ มีไฟและทางเดินที่ทำด้วยไม้ให้นักท่องเที่ยวเดินไปตามทาง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวไปเหยียบย่ำ หินงอกหินย้อยต่างๆ เมื่อเข้าไปในถ้ำจะได้พบกับหินงอกหินย้อยอายุหลายล้านปี
ภายในถ้ำจะเป็นห้องโถงแบบโรมันหลาย ห้อง บริเวณ กลาง ถ้ำเป็นลานกว้างมองขึ้นไปด้านเพดานจะมองเห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยงาม ระยิบระยับ เหมือน ประดับด้วย เพชร อยู่ภายในถ้ำวิจิตรตระการตาที่หาดูได้ยาก ภายในถ้ำมีห้องต่างๆ ประมาณ 20 ห้องที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม และอีกประมาณ 5 ห้องใหญ่ๆที่ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชม ห้องที่เปิดให้เข้าชมได้แก่ห้อง ในห้องปะการังที่มีหินงอก หินย้อย ขึ้นอยู่คล้ายปะการังใต้ท้องทะเล มีห้องเห็ด ที่มองดูยังไงก็คล้ายกับเห็ด ห้องพญานาคที่แต่ก่อนเคยมีน้ำขังอยู่จนเป็น รอยคล้ายกับพญานาคเลื้อย และน้ำได้ไหลลงมายังห้องอ่างน้ำ ที่หลายคนได้ตั้งชื่อว่าอ่างชูวิทย์ ซึ่งเป็นอ่างใหญ่เป็นชั้นๆ เรียง ตัวลงมาเป็นน้ำตก หากมีน้ำคงจะสวยงามมากเลยทีเดียว
ห้องผ้าม่าน เป็นห้องที่เหมือนเป็นผ้าม่านประกายเพชร ระยิบระยับ ตระการตามาก ห้องโดมศิลา ห้องโถงใหญ่ที่เป็นลานกว้าง แล้วมีหินงอกเป็นรูปร่างเป็นอ่างน้ำเล็กๆ รองรับ หยดน้ำที่ตกลง มาจากเพดาน

เมื่อส่องไฟขึ้นไปดูจะเห็นหยดน้ำตกลงมาสวยงามมากๆ เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์ จนใคร หลายคนต้องโยนเหรียญลงไปในอ่างพร้อมอธิฐาน และเอามือรองรับหยดน้ำที่หยดลงมา เป็นภาพที่น่ามองเลยทีเดียว ว่ากันว่าถ้าปรบมือน้ำก็จะหยดลงมามาก ทำให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาปรบมือกันใหญ่เลยทีเดียว จากห้อง โถงใหญ่ไปยังห้องลานเพลิน ที่มองดูคล้ายกับเวทีคอนเสิร์ต ยังไงยังงั้น สวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีห้อง ห้องน้ำเแข็ง ห้องเสาค้ำสุริยันและก็ท้ายสุดคือห้องโดมศิลา ที่มีความสวยงามเป็นเฉพาะ แตกต่างกันไปตามชื่อห้องที่ถูกตั้งขึ้น นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่สวยงามที่เป็นน้ำตกอีกหลายจุด เช่นน้ำตกใต้หนาน น้ำตกวังสายทองเป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามน่าเล่น สามารถปีนไปตามชั้นต่างๆได้โดยไม่ลื่นไถล ทั้งนี้เนื่องจากพื้นน้ำตกเป็นหินปูนและไม่มีตะไคร่น้ำจับเกาะ ส่วนกิจกรรมผจญภัยทริปเล็กๆ คือการพายเรือล่องแกงที่มีระยะทางประมาณ 6-7 กม.ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์สวยงามสายน้ำใส ไม่เชี่ยวจนเกินไปการบังคับเรือจึงทำได้ไม่ยากนัก นอกจากนี้แล้วยังมีของดีของที่นี่คือ บ้านรากไม้ หรือพิพิธภัณฑ์รากไม้  ที่ตั้งอยู่ที่บ้านควนดินดำ  บ้านเลขที่  132  หมู่ที่ 9  ตำบลปาล์มพัฒนา  อำเภอมะนัง  ที่มีนายประเสริฐ  คงทวี  อายุ  67  ปี เป็นเจ้าของ เดิมนายประเสริฐ เป็นชาวพัทลุง  แต่ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอมะนัง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538  เคยมีอาชีพขุดรากไม้ที่ฝังอยู่ในดินมาประดิษฐ์เป็นเครื่องเฟอร์นิเจอร์ เป็นงาน
อดิเรก  วิธีการขุดรากไม้พยายามรักษาสภาพเดิมของตอ  และรากไว้ให้สมบูรณ์ที่สุด แล้วนำมาประดิษฐ์  ตกแต่งตามลักษณะของตอและราก  ส่วนใหญ่เป็นตอไม้หลุมพอ  ซึ่งจัดเป็นไม้เนื้อดีของภาคใต้  ก่อนนั้น  มีความคิดที่จะนำไปจำหน่ายหารายได้เลี้ยงครอบครัว  แต่พอนานเข้าเกิดความรู้สึกรักและหวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ อีกทั้งยังเล็งเห็นว่าในอนาคต  ตอไม้เหล่านี้จะกลายเป็นของมีค่าและหายาก  จึงเริ่มเก็บสะสมไว้เพื่อต้องการให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้  ซึ่งปัจจุบันมีการเก็บสะสมมากกว่า  30  ชิ้น  ได้นำมาจัดตั้งนำแสดงที่บริเวณบ้าน ต่อมาจึงได้พัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์รากไม้ และเปิดบริการให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี   โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปนี้คือการแวะเยือนชนเผ่าซาไก ชนเผ่าที่มีผู้ให้สมญาว่าเป็น "จ้าวป่า"เพราะซาไกเป็นชนเผ่าที่ดำรงชีพในป่าตลอดชั่วชีวิตดังนั้นความช่ำชองในการเดินป่าล่าสัตว์จึงไม่มีใครเทียบได้ แต่อยากจะขอความกรุณาผู้ที่ไปเยือนว่าอย่าให้เงิน สุรา บุหรี่ ขนมหรืออาหารเพราะจะส่งผลต่อเนื่องในระยะยาวที่ทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ อย่าลืมว่าเขาเหล่านั้นเกิดและเติบโตมากับป่า และไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ข้อแนะนำการเที่ยวที่นี่คือขอให้เลิกยึดติดกับความสะดวกสบาย ที่ท่านอาจเคยได้รับจากที่อื่นแต่ที่นี่คือ ธรรมชาติเพียวๆ ท่ามกลางป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ นอนหลับไปพร้อมกับเสียงนกกลางคืน ตื่นมาพร้อมกับเสียงไก่ป่าและสายหมอกยามเช้า ที่ไม่อาจหาได้จากในเมืองและแหล่งชุมชนแออัด ลองใช้ชีวิตแบบติดดินติดธรรมชาติดูบ้างแล้วคุณจะพบว่าระยะเวลา 2-3 วันของที่นี่สามารถเติมพลังสร้างแรงบัลดาลให้กลับไปสู้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ และตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็นใส่เป้ขึ้นหลังออกเดินทางกันเลยครับ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้นะ
การเดินทาง
ถ้าเราอยู่หาดใหญ่-ขับรถมาถึงสี่แยกคูหา เราเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าสู่จังหวัดสตูล (4 เลน) ขับไปทางหลักเรื่อย ๆ จนถึงสามแยกควนกาหลง เลี้ยวขวาเข้าไปทางอำเภอควนกาหลงเป็นทางหลวงหมายเลข 4137 (2 เลน) ประมาณ 15 กม.ให้เลี้ยวขวาสามแยกบ้านผัง 1 จากนั้นก็ขับไปตามเส้นทางซึ่งมีป้ายบอกอย่างละเอียด ประมาณ 35 กม. ก็จะถึงถ้ำภูผาเพชร รวมระยะทางจากหาดใหญ่ประมาณ 120 กม.
หรือถ้าไม่แน่ใจว่าถูกทางหรือไม่ก็ถามไปตลอดทางเลยก็ได้ รับรองได้คำตอบทุกคนเพราะคนที่นี่เขาใจดีและต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรี แล้วคุณจะประทับใจกับทริปนี้ ค่าใช้จ่ายในระหว่างที่พักกับรีสอร์ท จำนวน 2 วัน 1 คืน มีราคาตั้งแต่ 750 - 1,000 บาทหรืออาจจะมากกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานที่พักและการบริการ ในราคานี้ประกอบด้วย ค่าอาหารหลัก 4 มื้อ ค่าที่พัก 1 คืน ล่องแก่งและนำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวจุดต่างๆในบริเวณใกล้เคียง เครื่องดื่มประเภทน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำ ฟรีตลอดเวลาและที่ยิ่งกว่านั้นมื้อค่ำเป็นอาหารทะเลแบบบุฟเฟต์ ปิ้ง ย่าง จิ้ม กันให้สะใจไปข้างนึง ถึงแม้ว่าที่นี่จะห่างทะเลนิดนึงแต่ขอบอกไว้เลยว่าสด..ครั้งหน้าจะมาคุยเรื่องถ้ำเจ็ดคตกันต่อครับอย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจ ชอบไม่ชอบก็บอกกล่าวกันได้ เพียงแค่อยากให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยเยอะๆเท่านั้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น